การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านเพื่อการคิดขั้นสูงตามแนวทาง VASK (Values-Attitudes-Skills-Knowledge) และ PISA
บทนำ
ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกปัจจุบัน ทักษะการคิดขั้นสูง (Higher-Order Thinking Skills) ถือเป็นสมรรถนะสำคัญที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 การพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการศึกษา แต่ยังเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการดำรงชีวิตและการทำงานในอนาคต บทความนี้นำเสนอแนวทางการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงตามแนวทาง VASK (Values-Attitudes-Skills-Knowledge) และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 รวมถึงการออกแบบข้อสอบตามแนวทาง PISA เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านเพื่อการคิดขั้นสูง
ความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะการคิดขั้นสูง
ทักษะการคิดขั้นสูง (Higher-Order Thinking Skills) หมายถึง กระบวนการคิดที่ซับซ้อนเกินกว่าการจดจำข้อเท็จจริงหรือการทำตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ตามแนวคิดของ Bloom’s Taxonomy ฉบับปรับปรุง ทักษะการคิดขั้นสูงประกอบด้วย 3 ระดับ ได้แก่ การวิเคราะห์ (Analyzing) การประเมินค่า (Evaluating) และการสร้างสรรค์ (Creating) โดยมีรายละเอียดดังนี้

ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด 2568 Power by claude.ai
1. การวิเคราะห์ (Analyzing)
การแยกแยะข้อมูลหรือสถานการณ์ออกเป็นส่วนย่อย และระบุความสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่างๆ เพื่อให้เข้าใจโครงสร้างและระบบของข้อมูล
ตัวอย่างพฤติกรรม:
- จำแนกองค์ประกอบของเรื่องที่อ่าน
- เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างระหว่างข้อมูล
- ระบุความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล
2. การประเมินค่า (Evaluating)
การตัดสินคุณค่าของข้อมูล ความคิดเห็น หรือการกระทำ โดยอาศัยเกณฑ์และมาตรฐานที่ชัดเจน
ตัวอย่างพฤติกรรม
- ตรวจสอบความสมเหตุสมผลของข้อมูล
- ประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล
- ตัดสินคุณค่าของผลงานหรือแนวคิด
3. การสร้างสรรค์ (Creating)
การนำองค์ประกอบต่างๆ มาประกอบเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสิ่งใหม่ที่มีความสอดคล้องและเป็นระบบ
ตัวอย่างพฤติกรรม
- ออกแบบวิธีการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ
- สร้างผลงานที่มีความแปลกใหม่
- พัฒนาทฤษฎีหรือสมมติฐานใหม่
การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทาง VASK
VASK เป็นกรอบแนวคิดในการออกแบบการเรียนรู้ที่ครอบคลุมทั้งด้านค่านิยม (Values) เจตคติ (Attitudes) ทักษะ (Skills) และความรู้ (Knowledge) ซึ่งการบูรณาการทั้ง 4 องค์ประกอบนี้จะช่วยพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง

ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด, 2568 Power by claude.ai
1. ค่านิยม (Values)
การปลูกฝังค่านิยมที่สนับสนุนการคิดขั้นสูง เช่น ความซื่อสัตย์ทางปัญญา การเคารพความหลากหลายทางความคิด และความรับผิดชอบต่อสังคม
แนวทางการออกแบบกิจกรรม
- จัดกิจกรรมที่กระตุ้นให้ผู้เรียนตระหนักถึงคุณค่าของการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
- ให้ผู้เรียนอภิปรายประเด็นทางจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
- สร้างสถานการณ์จำลองที่ท้าทายให้ผู้เรียนตัดสินใจบนพื้นฐานของค่านิยมที่ถูกต้อง
2. เจตคติ (Attitudes)
การส่งเสริมเจตคติที่เอื้อต่อการคิดขั้นสูง เช่น ความอยากรู้อยากเห็น ความเปิดกว้างทางความคิด และความมุ่งมั่นในการแสวงหาความรู้
แนวทางการออกแบบกิจกรรม
- สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ปลอดภัยและส่งเสริมการแสดงความคิดเห็น
- จัดกิจกรรมที่กระตุ้นความสงสัยและความอยากรู้ของผู้เรียน
- ให้ข้อมูลย้อนกลับเชิงบวกเมื่อผู้เรียนแสดงความพยายามในการคิดขั้นสูง
3. ทักษะ (Skills)
การพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการคิดขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การให้เหตุผล และการสื่อสารความคิด
แนวทางการออกแบบกิจกรรม
- ฝึกให้ผู้เรียนวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ และประเมินความน่าเชื่อถือ
- จัดกิจกรรมที่ต้องใช้การคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา
- ให้ผู้เรียนนำเสนอความคิดและรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่น
4. ความรู้ (Knowledge)
การสร้างฐานความรู้ที่แข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนการคิดขั้นสูง โดยเน้นการเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม
แนวทางการออกแบบกิจกรรม
- ใช้การตั้งคำถามที่กระตุ้นให้ผู้เรียนเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม
- จัดกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนสร้างแผนผังความคิดหรือแผนภาพความเชื่อมโยง
- ให้ผู้เรียนอธิบายความรู้ใหม่ด้วยภาษาของตนเอง
ตัวอย่างกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทาง VASK
กิจกรรม: “นักสืบสิ่งแวดล้อม”
วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงผ่านการวิเคราะห์ปัญหาสิ่งแวดล้อมและออกแบบแนวทางแก้ไข
องค์ประกอบ VASK
- ค่านิยม (Values)
- ปลูกฝังความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
- ส่งเสริมจิตสาธารณะและการคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม
- เจตคติ (Attitudes)
- กระตุ้นความอยากรู้เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม
- สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติ
- ทักษะ (Skills)
- ฝึกการสังเกตและเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ
- พัฒนาทักษะการวิเคราะห์สาเหตุและผลกระทบของปัญหา
- ส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบแนวทางแก้ไข
- ความรู้ (Knowledge)
- เสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับระบบนิเวศและความสัมพันธ์ในธรรมชาติ
- ให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อมนุษย์
ขั้นตอนการจัดกิจกรรม
- ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
- นำเสนอข่าวหรือวิดีโอเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น
- ตั้งคำถามกระตุ้นความสนใจและความอยากรู้ของผู้เรียน
- ขั้นสำรวจและรวบรวมข้อมูล
- แบ่งกลุ่มผู้เรียนเพื่อสำรวจปัญหาสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนหรือชุมชน
- ให้แต่ละกลุ่มเก็บข้อมูลโดยการสังเกต สัมภาษณ์ หรือค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลต่างๆ
- ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล
- ให้ผู้เรียนวิเคราะห์สาเหตุและผลกระทบของปัญหาที่พบ
- จัดทำแผนผังสาเหตุและผลกระทบ (Cause and Effect Diagram)
- ประเมินความรุนแรงของปัญหาโดยใช้เกณฑ์ที่กำหนดร่วมกัน
- ขั้นออกแบบแนวทางแก้ไข
- ระดมความคิดเพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่หลากหลาย
- วิเคราะห์ข้อดีและข้อจำกัดของแต่ละแนวทาง
- เลือกแนวทางที่เหมาะสมและออกแบบแผนปฏิบัติการอย่างละเอียด
- ขั้นนำเสนอและประเมินผล
- นำเสนอปัญหาและแนวทางแก้ไขต่อชั้นเรียน
- รับฟังข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นจากเพื่อนและครู
- ปรับปรุงแผนปฏิบัติการตามข้อเสนอแนะที่ได้รับ
- ขั้นลงมือปฏิบัติและสะท้อนคิด
- ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการที่ออกแบบไว้
- บันทึกผลการดำเนินงานและอุปสรรคที่พบ
- สะท้อนคิดเกี่ยวกับกระบวนการทำงานและผลที่เกิดขึ้น
การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills) เป็นกรอบแนวคิดที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตและการทำงานในศตวรรษที่ 21 ซึ่งประกอบด้วย 3 กลุ่มทักษะหลัก ได้แก่ ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี และทักษะชีวิตและอาชีพ
1. ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills)
ทักษะที่เกี่ยวข้องกับการคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงวิพากษ์ การสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน
แนวทางการออกแบบกิจกรรม
- จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการคิดนอกกรอบและการสร้างสรรค์นวัตกรรม
- ให้ผู้เรียนวิเคราะห์ประเด็นปัญหาจากหลายมุมมอง
- จัดกิจกรรมกลุ่มที่ต้องอาศัยการสื่อสารและการทำงานร่วมกัน
2. ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี (Information, Media, and Technology Skills)
ทักษะที่เกี่ยวข้องกับการรู้เท่าทันสารสนเทศ การรู้เท่าทันสื่อ และการรู้เท่าทันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
แนวทางการออกแบบกิจกรรม
- ให้ผู้เรียนสืบค้นข้อมูลจากแหล่งที่หลากหลายและประเมินความน่าเชื่อถือ
- จัดกิจกรรมวิเคราะห์สื่อและผลกระทบต่อสังคม
- ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนอและสร้างสรรค์ผลงาน
3. ทักษะชีวิตและอาชีพ (Life and Career Skills)
ทักษะที่เกี่ยวข้องกับความยืดหยุ่นและการปรับตัว การริเริ่มและเรียนรู้ด้วยตนเอง ทักษะทางสังคมและข้ามวัฒนธรรม ความรับผิดชอบและความสามารถในการผลิต และความเป็นผู้นำและรับผิดชอบ
แนวทางการออกแบบกิจกรรม
- จำลองสถานการณ์ที่ต้องใช้การปรับตัวและความยืดหยุ่น
- มอบหมายโครงงานที่ต้องวางแผนและรับผิดชอบด้วยตนเอง
- จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกับผู้ที่มีความหลากหลาย
ตัวอย่างกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
กิจกรรม: “นวัตกรรมเพื่อชุมชน”
วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของชุมชน
องค์ประกอบทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
- ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม
- การคิดสร้างสรรค์และการออกแบบนวัตกรรม
- การคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา
- การสื่อสารและการทำงานร่วมกัน
- ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี
- การสืบค้นและประเมินข้อมูล
- การใช้เทคโนโลยีในการออกแบบและนำเสนอ
- การสื่อสารผ่านสื่อดิจิทัล
- ทักษะชีวิตและอาชีพ:
- การริเริ่มและการจัดการโครงการ
- ความรับผิดชอบต่อสังคม
- การทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลาย
ขั้นตอนการจัดกิจกรรม
- ขั้นสำรวจความต้องการของชุมชน
- แบ่งกลุ่มผู้เรียนและให้แต่ละกลุ่มเลือกชุมชนที่สนใจ
- ออกแบบวิธีการสำรวจความต้องการของชุมชน เช่น การสัมภาษณ์ การสังเกต หรือการใช้แบบสอบถาม
- รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการของชุมชน
- ขั้นระบุปัญหาและโอกาส
- วิเคราะห์ปัญหาและความต้องการที่สำคัญของชุมชน
- จัดลำดับความสำคัญของปัญหาโดยใช้เกณฑ์ที่กำหนดร่วมกัน
- ระบุโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการ
- ขั้นออกแบบนวัตกรรม
- ระดมความคิดเพื่อเสนอแนวทางการแก้ปัญหาที่หลากหลาย
- สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับนวัตกรรมที่มีอยู่เดิมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
- ออกแบบนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของชุมชนอย่างสร้างสรรค์
- ขั้นพัฒนาต้นแบบ
- วางแผนและจัดสรรทรัพยากรในการพัฒนาต้นแบบ
- สร้างต้นแบบของนวัตกรรมตามแบบที่ออกแบบไว้
- ทดสอบและปรับปรุงต้นแบบเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- ขั้นทดลองใช้และประเมินผล
- นำนวัตกรรมไปทดลองใช้ในชุมชน
- เก็บข้อมูลผลการใช้งานและความพึงพอใจของผู้ใช้
- วิเคราะห์และประเมินผลกระทบของนวัตกรรมต่อชุมชน
- ขั้นนำเสนอและขยายผล
- จัดทำแผนการนำเสนอและการสื่อสารเกี่ยวกับนวัตกรรม
- นำเสนอนวัตกรรมต่อชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- จัดทำแผนการขยายผลและการพัฒนาต่อยอดในอนาคต
การออกแบบข้อสอบตามแนวทาง PISA เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านเพื่อการคิดขั้นสูง
PISA (Programme for International Student Assessment) เป็นโครงการประเมินผลนักเรียนนานาชาติที่มุ่งเน้นการประเมินความสามารถในการนำความรู้และทักษะไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
หลักการสำคัญในการออกแบบข้อสอบตามแนวทาง PISA
- ใช้สถานการณ์เป็นฐาน (Situation-Based)
- ข้อสอบควรเริ่มต้นด้วยสถานการณ์หรือบริบทที่สมจริงและเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน
- สถานการณ์ควรมีความซับซ้อนที่เหมาะสมกับระดับผู้เรียน
- ใช้ข้อมูลที่หลากหลาย (Multiple Sources)
- ข้อสอบควรประกอบด้วยข้อมูลหลายรูปแบบ เช่น บทความ กราฟ ตาราง รูปภาพ
- ข้อมูลควรมาจากหลายแหล่งและมีมุมมองที่แตกต่างกัน
- วัดทักษะการคิดขั้นสูง (Higher-Order Thinking)
- คำถามควรเน้นการวัดทักษะการวิเคราะห์ การประเมินค่า และการสร้างสรรค์
- หลีกเลี่ยงคำถามที่เน้นการจดจำหรือความเข้าใจเบื้องต้น
- ใช้รูปแบบคำถามที่หลากหลาย (Various Question Formats):
- ข้อสอบควรมีทั้งคำถามปรนัย (เลือกตอบ) และอัตนัย (เขียนตอบ)
- คำถามอัตนัยควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงกระบวนการคิดและเหตุผล
กรอบการประเมินการอ่านตามแนวทาง PISA

ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด, 2568 Power by claude.ai
การประเมินการอ่านตามแนวทาง PISA ครอบคลุมกระบวนการอ่าน 3 ด้าน ได้แก่
- การเข้าถึงและค้นคืนสาระ (Access and Retrieve): การระบุตำแหน่งและดึงข้อมูลที่ต้องการจากเนื้อหาที่อ่าน
- การบูรณาการและตีความ (Integrate and Interpret): การเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ และสร้างความหมายจากเนื้อหาที่อ่าน
- การสะท้อนและประเมิน (Reflect and Evaluate): การเชื่อมโยงเนื้อหาที่อ่านกับความรู้และประสบการณ์ของตนเอง รวมถึงการประเมินคุณภาพและความน่าเชื่อถือของเนื้อหา
แนวทางการออกแบบข้อสอบการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง
การออกแบบข้อสอบการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงตามแนวทาง PISA ควรคำนึงถึงหลักการต่อไปนี้:
- เลือกเนื้อหาที่เหมาะสม
- เนื้อหาควรมีความซับซ้อนที่เหมาะสมกับระดับของผู้เรียน
- เนื้อหาควรน่าสนใจและเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงของผู้เรียน
- ควรใช้เนื้อหาที่หลากหลาย เช่น บทความ บทความวิชาการ บทความแสดงความคิดเห็น ข่าว โฆษณา ฯลฯ
- ออกแบบคำถามที่ส่งเสริมการคิดขั้นสูง
- คำถามวิเคราะห์: ให้ผู้เรียนจำแนก เปรียบเทียบ หรือระบุความสัมพันธ์ของข้อมูล
- คำถามประเมินค่า: ให้ผู้เรียนตัดสินคุณค่า ความน่าเชื่อถือ หรือความสมเหตุสมผลของข้อมูล
- คำถามสร้างสรรค์: ให้ผู้เรียนเสนอแนวทางใหม่ ออกแบบวิธีการ หรือสร้างสรรค์ผลงาน
- เน้นการใช้เหตุผลและการอ้างอิงหลักฐาน
- ให้ผู้เรียนระบุหลักฐานจากเนื้อหาที่สนับสนุนความคิดเห็นหรือข้อสรุป
- ให้ผู้เรียนอธิบายเหตุผลประกอบคำตอบ
- ประเมินความสมเหตุสมผลของข้อโต้แย้งหรือข้อคิดเห็น
- ส่งเสริมการเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายแหล่ง
- ให้ผู้เรียนบูรณาการข้อมูลจากเนื้อหาที่แตกต่างกัน
- ให้ผู้เรียนเปรียบเทียบมุมมองหรือข้อมูลที่แตกต่างกัน
- ส่งเสริมการตรวจสอบความสอดคล้องหรือขัดแย้งของข้อมูล
ตัวอย่างข้อสอบการอ่านเพื่อการคิดขั้นสูงตามแนวทาง PISA
ตัวอย่างที่ 1: การวิเคราะห์บทความเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
คำชี้แจง: อ่านบทความต่อไปนี้และตอบคำถาม
บทความ A: การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: วิกฤตที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
(บทความที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางการแก้ไข พร้อมกราฟแสดงการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกและระดับน้ำทะเล)
บทความ B: มุมมองที่แตกต่างต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(บทความที่นำเสนอมุมมองต่างๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งจากนักวิทยาศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ และนักการเมือง)
คำถามที่ 1: การเข้าถึงและค้นคืนสาระ (ระดับพื้นฐาน) จากบทความ A อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นกี่องศาเซลเซียสในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา?
ก. 0.5 องศาเซลเซียส
ข. 0.9 องศาเซลเซียส
ค. 1.1 องศาเซลเซียส
ง. 1.5 องศาเซลเซียส
คำถามที่ 2: การบูรณาการและตีความ (ระดับกลาง) จากบทความทั้งสอง ปัจจัยใดที่ทั้งนักวิทยาศาสตร์และนักเศรษฐศาสตร์เห็นพ้องว่ามีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด? อธิบายเหตุผลประกอบคำตอบ (2-3 ประโยค)
คำถามที่ 3: การวิเคราะห์ (ระดับสูง) เปรียบเทียบข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่นำเสนอในบทความ A และ B ข้อมูลจากบทความใดน่าเชื่อถือกว่ากัน? เพราะเหตุใด? (ให้อธิบายโดยอ้างอิงหลักฐานจากบทความทั้งสอง)
คำถามที่ 4: การประเมินค่า (ระดับสูง) พิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่นำเสนอในบทความ A แนวทางใดที่น่าจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดในบริบทของประเทศไทย? อธิบายเหตุผลประกอบคำตอบ (3-5 ประโยค)
คำถามที่ 5: การสร้างสรรค์ (ระดับสูง) จากข้อมูลในบทความทั้งสอง ออกแบบแนวทางการรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา โดยระบุวัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย วิธีการ และการประเมินผล
ตัวอย่างที่ 2: การวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานทดแทน
คำชี้แจง: พิจารณาข้อมูลต่อไปนี้และตอบคำถาม
เอกสาร 1: บทความเกี่ยวกับพลังงานทดแทนในประเทศไทย (บทความที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานทดแทนในประเทศไทย ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวล ฯลฯ)
เอกสาร 2: กราฟแสดงการเปรียบเทียบต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานต่างๆ (กราฟแสดงต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล พลังงานนิวเคลียร์ และพลังงานทดแทนประเภทต่างๆ)
เอกสาร 3: แผนที่แสดงศักยภาพด้านพลังงานทดแทนในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย (แผนที่แสดงพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานชีวมวล)
คำถามที่ 1: การเข้าถึงและค้นคืนสาระ (ระดับพื้นฐาน) จากเอกสาร 1 พลังงานทดแทนประเภทใดที่มีการใช้มากที่สุดในประเทศไทย?
ก. พลังงานแสงอาทิตย์
ข. พลังงานลม
ค. พลังงานชีวมวล
ง. พลังงานน้ำ
คำถามที่ 2: การบูรณาการและตีความ (ระดับกลาง) จากเอกสาร 2 พลังงานทดแทนประเภทใดที่มีแนวโน้มต้นทุนลดลงมากที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา? อธิบายสาเหตุที่ทำให้ต้นทุนลดลง (2-3 ประโยค)
คำถามที่ 3: การวิเคราะห์ (ระดับสูง) จากข้อมูลในเอกสารทั้งสาม วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนกับศักยภาพด้านพลังงานทดแทนในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย พร้อมระบุปัจจัยที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ดังกล่าว
คำถามที่ 4: การประเมินค่า (ระดับสูง) พิจารณาข้อมูลจากเอกสารทั้งสาม ประเมินความเหมาะสมของนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย โดยพิจารณาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมให้เหตุผลประกอบการประเมิน
คำถามที่ 5: การสร้างสรรค์ (ระดับสูง) จากข้อมูลทั้งหมด ออกแบบแผนการพัฒนาพลังงานทดแทนสำหรับชุมชนในภูมิภาคที่คุณอาศัยอยู่ โดยคำนึงถึงศักยภาพด้านพลังงานทดแทน ต้นทุน และผลกระทบต่อชุมชน พร้อมเสนอแนวทางการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาพลังงานทดแทน
การประเมินและการให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง
การประเมินและการให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นกระบวนการสำคัญในการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงของผู้เรียน โดยควรคำนึงถึงหลักการต่อไปนี้:
1. การประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment)
การประเมินควรสอดคล้องกับสถานการณ์จริงและเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของผู้เรียน ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าและความสำคัญของการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง
แนวทางการปฏิบัติ
- ใช้สถานการณ์จริงหรือสถานการณ์จำลองที่สมจริงในการประเมิน
- ให้ผู้เรียนแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและไม่มีคำตอบตายตัว
- ประเมินทั้งกระบวนการคิดและผลลัพธ์
2. การใช้เกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน (Clear Assessment Criteria)
เกณฑ์การประเมินควรชัดเจน โปร่งใส และสื่อสารให้ผู้เรียนเข้าใจตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนทราบถึงความคาดหวังและมีเป้าหมายในการพัฒนาทักษะ
แนวทางการปฏิบัติ
- พัฒนาเกณฑ์การประเมิน (Rubrics) ที่ระบุระดับคุณภาพและเกณฑ์การให้คะแนนอย่างชัดเจน
- ให้ตัวอย่างผลงานที่มีคุณภาพในระดับต่างๆ
- ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการพัฒนาเกณฑ์การประเมิน
3. การให้ข้อมูลย้อนกลับที่มีประสิทธิภาพ (Effective Feedback)
การให้ข้อมูลย้อนกลับที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนา รวมถึงแนวทางในการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง
แนวทางการปฏิบัติ
- ให้ข้อมูลย้อนกลับที่เฉพาะเจาะจงและอิงตามเกณฑ์การประเมิน
- เน้นการให้ข้อมูลย้อนกลับเชิงสร้างสรรค์และเชิงบวก
- ให้ข้อเสนอแนะที่เป็นรูปธรรมสำหรับการพัฒนา
4. การส่งเสริมการประเมินตนเองและการประเมินโดยเพื่อน (Self and Peer Assessment)
การประเมินตนเองและการประเมินโดยเพื่อนช่วยพัฒนาความสามารถในการคิดเชิงวิพากษ์และการสะท้อนคิด ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการคิดขั้นสูง
แนวทางการปฏิบัติ
- ฝึกให้ผู้เรียนประเมินผลงานของตนเองโดยใช้เกณฑ์การประเมินที่กำหนด
- จัดกิจกรรมการประเมินโดยเพื่อนที่เน้นการให้ข้อมูลย้อนกลับเชิงสร้างสรรค์
- ส่งเสริมการสะท้อนคิดเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะ
บทสรุป
การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการบูรณาการแนวคิดและหลักการต่างๆ ทั้งแนวทาง VASK ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 และแนวทางการประเมินของ PISA การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการคิดวิเคราะห์ การประเมินค่า และการสร้างสรรค์ ผ่านสถานการณ์ที่สมจริงและเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของผู้เรียน จะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การออกแบบข้อสอบตามแนวทาง PISA ที่เน้นการวัดทักษะการคิดขั้นสูง โดยใช้เนื้อหาที่หลากหลายและสถานการณ์ที่สมจริง จะช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนและพัฒนาทักษะการอ่านเพื่อการคิดขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตและการทำงานในศตวรรษที่ 21
ท้ายที่สุด การประเมินและการให้ข้อมูลย้อนกลับที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนา รวมถึงแนวทางในการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงได้อย่างเต็มศักยภาพ
ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งครู ผู้บริหาร ผู้ปกครอง และนักเรียน โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะและความสามารถที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21
ท่านสามารถศึกษาเอกสาร แหล่งอ้างอิงที่เป็นหนังสือ บทความ และเอกสารทางวิชาการที่มีอยู่จริงและเกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง แนวทาง VASK ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 และการประเมินตามแนวทาง PISA ได้จากแหล่งอ้างอิงนี้ครอบคลุมทั้งงานวิชาการระดับนานาชาติและระดับประเทศไทย ได้แก่
- หนังสือเกี่ยวกับ Bloom’s Taxonomy ฉบับปรับปรุงโดย Anderson & Krathwohl
- เอกสารกรอบการประเมินของ PISA 2018 จาก OECD
- กรอบแนวคิดเกี่ยวกับทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จาก Partnership for 21st Century Learning
- หนังสือ “วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21” โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
- คู่มือการใช้กรอบการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ PISA 2018 โดย สสวท.
- หนังสือ Four-Dimensional Education เกี่ยวกับแนวคิด VASK
- เอกสารแนวทางการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
- หนังสือ “ศาสตร์การสอน” โดย ศ.ดร.ทิศนา แขมมณี
- หนังสือ Understanding by Design โดย Wiggins & McTighe
- ตัวอย่างข้อสอบการประเมินระดับนานาชาติ PISA โดย สสวท.
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- Anderson, L. W., & Krathwohl, D. R. (Eds.). (2001). A taxonomy for learning, teaching, and assessing: A revision of Bloom’s taxonomy of educational objectives. New York: Longman.
- OECD. (2019). PISA 2018 Assessment and Analytical Framework. Paris: OECD Publishing. https://doi.org/10.1787/b25efab8-en
- Partnership for 21st Century Learning. (2019). Framework for 21st Century Learning. Retrieved from http://static.battelleforkids.org/documents/p21/P21_Framework_Brief.pdf
- วิจารณ์ พานิช. (2555). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์. https://www.nsdv.go.th/main/attachments/article/4560/21st.pdf
- สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.). (2560). คู่มือการใช้กรอบการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ PISA 2018. กรุงเทพฯ: สสวท. https://pisathailand.ipst.ac.th/pisa2018-framework/
- Fadel, C., Bialik, M., & Trilling, B. (2015). Four-Dimensional Education: The Competencies Learners Need to Succeed. Boston: Center for Curriculum Redesign.
- สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2562). แนวทางการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. http://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/1727-file.pdf
- ทิศนา แขมมณี. (2561). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 22). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
- Wiggins, G., & McTighe, J. (2005). Understanding by Design (2nd ed.). Alexandria, VA: Association for Supervision and Curriculum Development.
- สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.). (2564). ตัวอย่างข้อสอบการประเมินระดับนานาชาติ PISA. กรุงเทพฯ: สสวท. https://pisathailand.ipst.ac.th/sample-pisa/
ดร.อนุศร หงษ์ขุนทด
6 เมษายน 2568
Power by claude.ai
อ้างอิง
Claude. (2024). Claude (Oct 2024 version) [การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านเพื่อการคิดขั้นสูงตามแนวทาง VASK (Values-Attitudes-Skills-Knowledge) และ PISA]. https://claude.ai/